Showing posts with label Tip. Show all posts
Showing posts with label Tip. Show all posts

Friday, September 11, 2009

การใช้งาน Jump List กับ Windows Media Player ใน Windows 7

ฟีเจอร์ Jump List เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ ฟีเจอร์เด่นที่มีใน Windows 7 โดย Jump List ช่วยให้เข้าถึงเอกสาร (Document), รูปภาพ (Picture), เพลง (Song) หรือเว็บไซต์ (Website) ที่ใช้งานเป็นประจำได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

บท ความนี้ผมจะรวบรวมวิธีการและเทคนิคการใช้งาน Jump List กับ Windows Media Player (WMP) เพื่อช่วยให้การดูหนังฟังเพลงหรือการเข้าถึงไฟล์มัลติมีเดียอื่นๆ ทำได้สะดวกรวดเร็วขึ้น

การใช้งาน Jump List ร่วมกับ Windows Media Player

• คลิกขวาบนไอคอน WMP บนทาส์กบาร์ จากนั้นเลือกลิงก์ที่ต้องการที่แสดงในหัวข้อ Frequent เช่น เพลง รูปภาพ หรือโฟลเดอร์

WMP Jump List

• หากต้องการปักหมุดลิงก์โปรดเพื่อความสะดวกในการเรียกใช้งานในครั้งต่อๆ ไป ให้คลิกขวาบนลิงก์ที่ต้องการ แล้วคลิก Pin to this list

WMP Jump List

• หากไม่ต้องการให้แสดงลิงก์บน Jump List ให้คลิกขวาบนลิงก์ที่ไม่ต้องการให้แสดง แล้วคลิก Remove from this list

WMP Jump List

ทิปการใช้ Jump List กับ Windows Media Player
• สามารถลาก (Drag) ไอเท็มต่างๆ ที่อยู่บน Jump List ของ WMP ลงบนเดสก์ท็อปเพื่อสร้างเป็นชอร์ตคัทได้
• สามารถทำการปักหมุดไฟล์ที่ใช้รองรับโดย WMP ใน Jump List ได้ โดยการลากและวางไฟล์ที่ต้องการปักหมุดบนไอคอนของ WMP บนทาส์กบาร์
• การคลิก “Play All” จากในหน้าต่าง File Explorer จะทำให้ไฟล์นั้นเพิ่มเข้ามาใน Jump List
• หากต้องการปรับแต่งการแสดงรายการใน Jump List ให้แสดงไฟล์ที่เปิดล่าสุดแทนการแสดงไฟล์ที่เปิดบ่อย ทำได้โดยการคลิก Organize จากนั้นคลิก Options แล้วคลิก Player แล้วเลือกเช็คบ็อกซ์ “Save recently used to the Jump List instead of frequently used”
• หากทำการดับเบิลคลิกบนไอเท็มในผลที่ได้จากเสิร์ช (Search) ภายใต้ไลบรารี จะทำให้ผลการค้นหาดังกล่าวเพิ่มเข้าใน Jump List

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
Windows Team Blog

==================By Getzaa===============

Friday, September 4, 2009

10 วิธีเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Windows Vista

10 วิธีเพิ่มความปลอดภัยให้กับ Windows Vista
Windows XP เป็นระบบปฏิบัติการแบบเดสก์ท็อปหลักของไมโครซอฟท์เป็นระยะเวลาหลายปี ถึงจะเป็นที่นิยมใช้งานกันอย่างกว้างขวาง แต่มันก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากมีช่องโหว่ความปลอดภัยมากและง่าย ในการถูกโฉมตี ดังนั้นเมื่อไมโครซอฟท์สร้าง Windows Vista เป้าหมายหลักที่ไมโครซอฟท์ตั้งไว้คือจะต้องแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน XP ไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำใน Windows Vista

Windows Vista นั้นจะมีระบบความปลอดภัยสูงกว่า Windows XP แม้ว่าจะใช้งานโดยไม่มีการได้ทำการคอนฟิกระบบความปลอดภัยเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามผู้ใช้ก็ควรทราบถึงวิธีการใช้ฟีเจอร์ทางความปลอดภัยใหม่ๆ เพื่อให้การใช้งาน Windows Vista มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น ในบทความนี้จะสรุปทิปด้านความปลอดภัย 10 ข้อ ที่ช่วยให้การใช้งาน Windows Vista มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

1. เปิดใช้งาน Network Access Protection (NAP)
Network Access Protection (NAP) นั้นเป็นฟีเจอร์ที่มีใน Windows Server 2008 ซึ่งจะช่วยองค์กรในการสร้างนโยบายความปลอดภัยเครือข่ายซึ่งกำหนดเกณฑ์ (Criteria) ให้กับเครื่องไคลเอ็นต์ที่ใช้ Windows Vista ต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้ได้รับการพิจารณาว่าเป็นเครื่องที่สุขภาพดีและอนุญาตให้แอคเชสระ บบเครือข่ายได้ ตัวอย่างเช่น การกำหนดนโยบายให้เครื่องไคลเอ็นต์ที่ใช้ Windows Vista ต้องเปิดใช้งานไฟร์วอลล์ หรือจะต้องทำการติดตั้งแพตช์ตามที่กำหนด เมื่อยูสเซอร์พยายามทำการล็อกออนเข้าสู่ระบบเครือข่าย NAP จะทำการตรวจเช็คเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยูสเซอร์ใช้ในการล็อกออน หากเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้จึงจะอนุญาตให้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ในกรณีที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยูสเซอร์ใช้ในการล็อกออนไม่เป็นไปตามนโยบาย ที่กำหนดไว้ สามารถกำหนดได้ว่าจะส่งต่อไปยังจุดแก้ไขหรือจะปฏิเสธการใช้งานของยูสเซอร์ การเซ็ตอัพ NAP นั้นเป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน แต่อย่างไรก็ตามเป็นฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ดีที่ Windows Vista และ Windows Server 2008 นำเสนอ

2. เปิดใช้งาน Phishing Filter
ตรวจ สอบให้แน่ใจว่าได้เปิด Phishing Filter โดย Phishing Filter นั้นจะช่วยยูสเซอร์ในการแยกแยะระหว่างเว็บไซต์ตัวจริงกับเว็บไซต์ที่ปลอมตัว เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ถึงแม้ว่าฐานข้อมูลของ Phishing Filter จะยังไม่สมบูรณ์มากนัก แต่มันก็ได้รวมรายชื่อเว็บไซต์ตัวจริงกับเว็บไซต์ที่ปลอมตัวเป็นเว็บไซต์ที่ ได้รับความนิยมในจำนวนที่มากเพียงพอที่ใช้ประโยชน์ได้ นอกจากนี้เพื่อให้ได้ผลมากยิ่งขึ้นองค์กรควรให้การฝึกอบรมแก่ผู้ใช้ให้ทราบ ถึงวิธีใช้งาน Phishing Filter ด้วย

3. ทำการอัพเดทวินโดวส์อย่างสม่ำเสมอ
ถึง แม้ว่าไมโครซอฟท์จะมีการทดสอบ Windows Vista ในเวอร์ชันเบต้าเป็นเวลายาวนาน แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัยเลย โดยจะมีการค้นพบบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัยใหม่ๆ อยู่เป็นประจำและเมื่อมีการเผยแพร่ Security Exploit ต่อสาธารณ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่แฮกเกอร์จะใช้เป็นช่องทางในการโจมตีระบบ นั้นคือเหตุผลสำคัญที่จะต้องมีโปรเซสการจัดการการแพตย์ระบบอย่างเหมาะสม การที่ไม่ทำการอัพเดท Windows Vista ด้วยเหตุผลที่ว่าไมโครซอฟท์ได้ออกแบบมาอย่างปลอดภัยแล้วจึงไม่จำเป็นต้องทำ การอัพเดทบ่อยๆ เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง

4. การตรวจสอบประวัติการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ
การ ตรวจสอบประวัติการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ทำการติดตั้งอัพเดทอะไรบ้างบนระบบ โดยผู้ดูแลระบบจะต้องทราบวิธีการตรวจสอบประวัติการอัพเดทและต้องทำการตรวจ สอบอย่างสม่ำเสมอ สำหรับวิธีการตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ติดตั้งแพตช์อะไรไปแล้วบ้าง ทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
1. คลิก Start คลิก Control Panel
2. คลิก Programs and Features จากนั้นคลิก View Installed Updates ซึ่งจะได้หน้าต่างประวัติการติดตั้งอัพเดท

5. ใช้งานร่วมกับ Windows Server 2008 โดเมน
เป็น เวลาหลายปีแล้วที่ไมโครซอฟท์ได้ใช้ Group Policies เป็นกลไกหลักในระบบความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการวินโดวส์และก็ยังเป็นเช่น นั้นอยู่ใน Windows Vista โดยใน Windows Vista นั้น จะมีการตั้งค่า Group Policies มากกว่าในวินโดวส์ XP เป็นร้อยๆ ค่า การใช้งาน Group Policies นั้นสามารถที่จะกระทำที่ระดับโลคอลได้ซึ่งจะเหมาะสมกับการใช้งานแบบส่วนตัว หรือภายในบ้าน แต่สำหรับการจัดการ Group Policies ของ Windows Vista ภายในองค์กรนั้น การจัดการในระดับ Active Directory จะเหมาะสมและดีกว่า แต่อย่างไรก็ตามการจัดการ Group Policies ของ Windows Vista ในระดับ Active Directory นั้น ต้องใช้ร่วมกับ Windows Server 2008 โดเมน

6. ใช้ Network Profile
ใน วินโดวส์ก่อนหน้า Windows Vista นั้น วินโดวส์จะปฏิบัติต่อการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน แต่ใน Windows Vista นั้น จะแบ่งการเชื่อมต่อเครือข่ายออกเป็น 3 รูปแบบด้วยกัน คือ Home, Work หรือ Public โดยใช้ Network and Sharing Center ยกเว้นในกรณีที่ใช้งาน Windows Vista ในสภาพแวดล้อมแบบ Windows Domain ซึ่งจะกำหนดเป็น Domain Network โดยอัตโนมัติ

การเลือก Network Profile ที่เหมาะสมนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากวินโดวส์จะทำการตั้งค่าฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลายๆ อย่าง ตามพื้นฐานของรูปแบบเครือข่ายมันที่เชื่อมต่ออยู่ ตัวอย่างเช่น Windows Vista จะทำการปิดใช้งานฟีเจอร์ Network Mapping ถ้าเชื่อมต่อกับเครือข่ายแบบ Public นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์ของ Windows Vista นั้นก็มีการตั้งค่าตาม Network Profile ด้วยเช่นกัน

7. Windows Firewall ใน Windows Vista มีดีมากกว่าที่เห็น
หาก มองเผินๆ Windows Firewall ใน Windows Vista นั้น จะเหมือนกันมากกับ Firewall ของ Windows XP ซึ่งอ็อปชันการคอนฟิกต่างๆ จะทำได้ค่อนข้างจำกัดโดยเฉพาะการคอนฟิกโดยใช้ Control Panel อย่างไรก็ตามใน Windows Vista นั้นไมโครซอฟท์ได้พัฒนาเครื่องมือจัดสำหรับใช้จัดการ Windows Firewall โดยเฉพาะ ซึ่งทำให้การคอนฟิกทำได้มากขึ้นและง่ายขึ้น นอกจากนี้ข้อหนึ่งที่เป็นจุดอ่อนของ Windows Firewall ใน Windows XP คือ สามารถป้องกันเฉพาะทราฟิกขาเข้า (Inbound) แต่ใน Windows Vista นั้น สามารถสามารถป้องกันทราฟิกได้ทั้งขาเข้า (Inbound) และขาออก (Outbound)

8. ใช้ Windows Vista 64-บิต
Windows Vista 64-บิต จะมีความปลอดภัยมากกว่า Windows Vista 32-บิต โดยใน Windows Vista 64-บิต จะมีฟีเจอร์ที่ชื่อ Address Space Layout Randomizer (ASLR) ซึ่งทำการสุ่มค่าออฟเซ็ทสำหรับการโหลดไฟล์ระบบ ทำให้โอกาสที่ไฟล์ระบบถูกโหลดในตำแหน่งเดิมเกิดขึ้นน้อยลง (ไม่เหมือนกับ Windows Vista 32-บิต ซึ่งไฟล์ระบบจะถูกโหลดในตำแหน่งเดิมทุกๆ ครั้ง) โดยการโหลดไฟล์ระบบแบสุ่มนี้จะช่วยป้องกันการ Exploit ที่พบทั่วไปในระบบ Windows XP

ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอีกตัวหนึ่งของ Windows Vista 64-บิต คือ Data Execution Prevention (DEP) ซึ่งจะดูแลการเอ็กซีคิวท์โค้ดจากการรันในพื้นที่ของหน่วยความจำของระบบ โดย DEP ใน Windows Vista 64-บิต จะทำงานในระดับฮาร์ดแวร์ สำหรับ Windows Vista 32-บิต จะมีฟีเจอร์ DEP นี้ด้วยเช่นกันแต่จะไม่มีความซับซ้อนเหมือนกับอีดิชัน 64-บิต จะทำงานในระดับซอฟต์แวร์

9. อย่าใช้งานการเข้ารหัสข้อมูลจนกว่าจะเข้าใจถึงผลกระทบที่จะตามมา
ปัญหา ทางด้านเทคนิคปัญหาหนึ่งที่ผู้ใช้ประสบค่อนข้างบ่อยๆ คือ ไม่สามารถทำการถอดรหัสข้อมูลได้เนื่องจากทำ Encryption Key หาย โชคไม่ดีที่วิธีการถอดรหัสข้อมูลในกรณีที่ทำ Encryption Key หายนั้นทำได้ไม่ง่ายนัก และที่แย่ไปกว่านั้นคือในหลายๆ กรณีที่ไม่มีหนทางที่จะทำการถอดรหัสข้อมูลได้เลย (โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการเข้ารหัส คือ ความปลอดภัยของข้อมูล ถ้าหากข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสสามารถถอดรหัสได้ง่ายก็จะไม่เป็นไปตามวัตถุ ประสงค์) ดังนั้นก่อนที่จะเข้ารหัสข้อมูลด้วย EFS หรือ BitLocker ให้แน่ใจว่ามีความเข้าใจโปรเซสของการทำการถอดรหัสและวิธีการป้องกันการไม่ ให้ข้อมูลหายหรือสูญเสีย

10. อย่าประเมินความสามารถของโปรแกรม Windows Defender ต่ำเกินไป
ใน Windows Vista นั้น จะมีการติดตั้งโปรแกรม Windows Defender ซึ่งเป็นโปรแกรมป้องกันสปายแวร์ของไมโครซอฟท์โดยอัตโนมัติพร้อมกับการติด ตั้งวินโดวส์ ถึงแม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาหลายๆ ครั้งที่ผู้ดูแลระบบไม่ค่อยจะชอบโปรแกรมด้านความปลอดภัยของไมโครซอฟท์มากนัก เนื่องจากเห็นว่าทำให้มีภาระงานมากขึ้นและยากขึ้น ดังนั้นผู้ดูแลระบบส่วนใหญ่จึงนิยมที่จะใช้แอพพลิเคชันแบบ 3-party มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม Windows Defender จัดเป็นโปรแกรมป้องกันสปายแวร์ที่ดีตัวหนึ่ง ถึงจะไม่ได้ดีสมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำงานกำจัดสปายแวร์ได้ในระดับที่น่าพอใจ


Tip Improve Windows Vista Security

=================By Getzaa=================

Install Windows 7 Ultimate Edition

ทดลองติดตั้ง Windows 7 Ultimate Edition (RTM)
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

ผม มีโอกาสทดลองติดตั้ง Windows 7 Ultimate (RTM) จึงนำภาพหน้าจอการขั้นตอนการติดตั้งมาฝากครับ ซึ่งขั้นตอนการติดตั้งจะคล้ายๆ กันกับการติดตั้ง Windows 7 Professional Installation และ Windows 7 Home Prmium Installation และ Windows 7 Home Basic ซึ่งผมได้เคยโพสต์ไปก่อนหน้านี้

การ ทดลองในครั้งนี้ จะติดตั้งเวอร์ชัน Windows 7 Ultimate 32-bit บนเครื่องเวอร์ชวลคอมพิวเตอร์ที่รันบน Windows Server 2008 Hyper-V โดยผมคอนฟิกเวอร์ชวลแมชชีนให้ใช้ RAM 2GB เวอร์ชวลฮาร์ดดิสก์ขนาด 32 GB

หมาย เหตุ: เครื่องเซิร์ฟเวอร์ใช้ Windows Server 2008 SE with SP2 (64-bit) ฮาร์ดแวร์เป็น IBM x3650 ใช้ซีพียู Intel E5540 2.83GHz, RAM 8GB, Hard Disk 3x146 GB

ขั้นตอนการติดตั้ง Windows 7 Ultimate
การติดตั้ง Windows 7 Ultimate มีขั้นตอนดังนี้
1. เมื่อทำการบูตเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยแผ่นดีวีดี Windows Setup จะได้หน้าจอ Windows is loading files และ Starting Windows ดังรูปที่ 1 ให้รอจนระบบทำงานแล้วเสร็จ

Windows 7 RC
รูปที่ 1 Starting Windows

2. ในหน้าต่าง Install Windows ให้เลือกภาษาที่ต้องการ และตั้งค่าอื่นๆ ตามความต้องการ เสร็จแล้วคลิก Next เพื่อไปยังขั้นตอนต่อไป
ในที่นี้เลือก:
Language to install: English
Time and currency format: English (United States)
Keyboard or input method: US


รูปที่ 2 Install Windows

3. ในหน้าต่างถัดไปให้คลิก Install Now เพื่อทำเริ่มการติดตั้ง Windows 7


รูปที่ 3 Install Now

4. ในหน้า Select the operating system you want to install ให้เลือก Windows 7 Home Basic เสร็จแล้วคลิก Next


รูปที่ 4 Windows 7 Ultimate

5. ในหน้าต่าง Please read the license terms ให้อ่าน License Terms เสร็จแล้ว ให้คลิกเช็คบ็อกซ์ I accept the license terms จากนั้นคลิก Next เพื่อไปยังหน้าถัดไป


รูปที่ 5 License Terms

6. ในหน้าต่าง Which type of installation do you want? ให้เลือกเป็น Custom (Advanced)


รูปที่ 5 Custom (Advanced) installation

7. ในหน้าต่าง Where do you want to install Windows? ให้เลือก Hard Disk หรือ Partition ที่ต้องการติดตั้ง เสร็จแล้วคลิก Next


รูปที่ 7 Select Hard Disk/Partition

หมาย เหตุ: ในกรณีที่ใน Hard Disk หรือ Partition ที่เลือก มีการติดตั้งวินโดวส์เวอร์ชันอื่นอยู่ ระบบจะแสดงข้อความแจ้งเตือน ให้คลิก OK เพื่อยืนยันการติดตั้ง Windows 7

8. ระบบจะเริ่มทำการติดตั้ง Windows โดยจะดำเนินการต่างๆ ดังนี้ คือ Copying Windows files, Expanding Windows files, Installing features และ Installing updates หลังจากทำการติดตั้งขั้นตอน Installing updates

หลังจากทำการติดตั้ง ขั้นตอน Installing updates แล้วเสร็จ จะทำการรีสตาร์ทระบบ 1 ครั้ง หลังจากรีสตาร์ทเสร็จจะทำขั้นตอน Completing Installation ต่อ หลังจากทำขั้นตอน Completing Installation แล้วเสร็จ จะทำการรีสตาร์ทระบบอีก 1 ครั้ง


รูปที่ 8 Installing Windows

9. หลังจากรีสตาร์ทก็จะทำการเตรียมระบบดังรูปที่ 9 เสร็จแล้วจะแสดงหน้าต่าง Set Up Windows ดังรูปที่ 10 เพื่อให้เลือก User name และตั้งชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์


รูปที่ 9

ใน หน้าต่าง Set Up Windows ให้พิมพ์ User name ที่ต้องการในกล่องใต้ Type a user name: จากนั้นใส่ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการในกล่องใต้ Type a computer name: เสร็จแล้วคลิก Next


รูปที่ 10 Set Up Windows

10. ในหน้าต่าง Set a password for your account ระบบจะให้กำหนดรหัสผ่านสำหรับ User name ที่สร้างในขั้นตอนที่ 8 ใส่รหัสผ่านที่ต้องการ 2 ครั้ง ในกล่องใต้ Type a password (recommended): และ Retype your password: จากนั้นพิมพ์ข้อมูลช่วยจำรหัสผ่านในช่อง Type a password hint: เสร็จแล้วคลิก Next


รูปที่ 11 Set a password for your account

หมายเหตุ:
กำหนด รหัสผ่านในขั้นตอนที่ 10 เป็นอ็อปชัน นั้นคือ ไม่จำเป็นต้องกำหนดรหัสผ่านก็ได้ แต่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ ผมขอแนะนำให้กำหนดรหัสผ่าน และในกรณีที่กำหนดรหัสผ่านจะต้องกำหนดข้อมูลช่วยจำรหัสผ่านด้วย ระบบจึงจะยอมให้ดำเนินการในขั้นตอนถัดไป

11. ในหน้า Type your Windows product key ให้ใส่หมายเลขโปรดักส์คีย์ (ขั้นตอนนี้เป็นอ็อปชันไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้) เสร็จแล้วคลิก Next

หมาย เหตุ: หมายเลขโปรดักส์คีย์นั้น ไมโครซอฟท์จะให้มาพร้อมกับการดาวน์โหลดสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิก Technet และ MSDN สำหรับลูกค้าทั่วไปนั้นจะมาพร้อมกับแพ็กเกจที่ซื้อ


รูปที่ 12 Type your Windows product key

Tip: ผมแนะนำให้เคลียร์เช็คบ็อกซ์ Automatically activate Windows when I'm online แล้วค่อยทำการแอคติเวตแบบแมนนวลภายหลัง

12. ในหน้าต่าง Help protect your computer and improve Windows automatically ให้เลือก Use recommended settings หรือ Install inportant updates only หรือ Ask me later ในที่นี้เลือกหัวข้อหลัง


รูปที่ 13 Help protect your computer and improve Windows automatically

13. ในหน้าต่าง Review your time and date settings ให้ทำการตั้ง Time Zone ให้ตรงพื้นที่ใช้งาน และตั้ง Date และ Time ให้ตรงกับวัน-เวลาจริง เสร็จแล้วคลิก Next


รูปที่ 12 Review your time and date setting

หมายเหตุ: Time Zone ของประเทศไทยเป็น UTC+07.00 หรือ GMT+07:00 ในวินโดวส์เวอร์ชันก่อนหน้า

14. ในหน้าต่าง Select your computer's current location ให้เลือกเป็น Home network หรือ Work network หรือ Public network


รูปที่ 15 Select your computer's current location

หมายเหตุ: ขั้นตอนนี้จะมีเฉพาะในกรณีติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่อกับระบบเน็ตเวิร์ก

15. วินโดวส์จะทำการจัดเตรียมระบบตามการตั้งค่าต่างๆ ที่กำหนดในขั้นตอนด้านบน เมื่อเสร็จแล้วก็จะได้หน้า Desktop ดังรูปด้านล่าง

Windows 7 Desktop
รูปที่ 16 Windows 7 Ultimate (RTM) Desktop

• หมายเลขเวอร์ชันของ Windows 7 Ultimate
หลัง จากทำการติดตั้ง Windows 7 Ultimate (RTM) เสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถดูหมายเลขเวอร์ชันได้โดยการรันคำสั่ง winver (คลิก Start พิมพ์ winver ในช่อง Search programs and files เสร็จแล้วกด Enter) เมื่อดูเวอร์ชันของ Windows 7 Ultimate (RTM) หมายเลขเวอร์ชันคือ 6.1 (Build 7600)

หมายเหตุ:ถ้าหากรันคำสั่ง ver ที่คอมมานด์พร็อมท์หมายเลขเวอร์ชันคือ 6.1.7600

Windows 7 Ultimate Version Number
รูปที่ 17 Windows 7 Ultimate Version Number

• Windows 7 Ultimate Log on Screen
เมื่อทำการสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 Ultimate จะได้หน้า Log on Screen ดังรูปด้านล่าง

Log on Screen
รูปที่ 18 Log on Screen


==================By Getzaa==================

Wednesday, September 2, 2009

Windows 7 jump lists come to Google Chrome

Google Chrome ใช้ฟีเจอร์ Jump List ของ Windows 7 ได้แล้ว
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

Jump List เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นใน Windows 7 เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เข้าถึงเอกสาร (Document), รูปภาพ (Picture), เพลง (Song) หรือเว็บไซต์ (Website) ที่ใช้งานเป็นประจำได้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยการเก็บประวัติการใช้งานของผู้ใช้ไว้ และมีให้ใช้ในทุกๆ แอพพลิเคชันที่มีมาพร้อมกับ Windows 7 ซึ่งรวมถึง IE8

แต่สำหรับ แอพพลิเคชันที่ไม่ใช่ของไมโครซอฟท์ ส่วนมากแล้วจะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ Jump List ได้ อย่างไรก็ตามผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ต่างพากันพัฒนาโปรแกรมของตัวเองให้สามารถรองรับฟีเจอร์ Jump List โดยเฉพาะโปรแกรมในประเภทเบราเซอร์ซึ่งมีการแข่งขันกันสูง

ทั้งนี้ มีข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบ Google Chrome นั้นคือ Google Chrome 3.0.197.11 Beta (ดาวน์โหลด Google Chrome 3.0.197.11 Beta) สามารถรองรับฟีเจอร์ Jump List โดยสามารถใช้งานได้เหมือนกับ IE8 ทุกประการ

การใช้งาน Jump List ร่วมกับ Google Chrome 3.0.197.11 Beta
การใช้งาน Jump List ร่วมกับ Google Chrome 3.0.197.11 Beta นั้น ทำได้ดังนี้

• คลิกขวาบนไอคอน Google Chrome บนทาสก์บาร์ จากนั้นเลือกเว็บไซต์ที่ต้องการเข้าเยี่ยมชม จากรายการที่แสดงในหัวข้อ Most visited หรือ Recently closed

นอกจากการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซ ต์แล้ว ยังสามารถเปิดหน้าต่างโปรแกรม Google Chrome ขึ้นใหม่ โดยคลิก New window หรือเปิดหน้าต่าง Google Chrome ในโหมด Incognito โดยคลิก New incognito window หรือทำการปักหมุดโปรแกรม Google Chrome ไว้บนทาส์กบาร์ โดยคลิก Pin this program to taskbar หรือปิดหน้าต่าง โดยคลิก Close window ได้อีกด้วย

Google Chrome Jump list

• หากต้องการปักหมุดเว็บไซต์โปรดเพื่อความสะดวกในการเข้าชม ทำได้โดยคลิกขวาบนชอร์ตคัทที่ต้องการแล้วคลิก Pin to this list

Pin to this list

• หากไม่ต้องการให้แสดงรายชื่อเว็บไซต์บน Jump List ให้คลิกขวาบนชอร์ตคัทที่ต้องการแล้วคลิก Remove from this list

Remove from this list

© 2009 TWA Blog. All Rights Reserved.

===================By Getzaa=================

Saturday, August 29, 2009

15 โปรแกรมสามัญที่ต้องมีหลังลงวินโวส์ใหม่

สวัสดีครับ......เพื่อน
วันนี้กลับมาอัพเดทบล็อกกับบทความแนะนำโปรแกรมกันบ้างดีกว่า
หลังจากที่ได้เล่นไปกับการฆ่าไวรัสไปซะนาน ทำเอาเครื่องพังไปเลย
จึงได้ไอเดียเขียนบทความนี้ขึ้นมา เนื่องจากที่ต้องทำการลงวินโดวส์ใหม่
จึงมีความคิดว่าเราควรจะลงโปรแกรมอะไรลงไปบ้าง วันนี้จึงมาแนะนำกัน
เราพยามจะเลือกใช้ฟรีแวร์ก่อนเพราะไม่ต้องไปหาซื้อจากที่ไหน
หาดาวน์โหลดทั่วไปตามอินเตอร์เน็ต ถ้าโปรแกรมไหนไม่โอจริงถึงค่อยใช้แบบไม่ฟรี
มือใหม่หรือคนที่กำลังจะหัดลงคอมอย่าพลาด...ส่วนมือเก่าก็รับไว้พิจรณานะครับ

------------------------------------------------------------

1.แอนตี้ไวรัส : AVG Free

โปรมแกรมแรกที่ขาดเสียไม่ได้คือ แอนตี้ไวรัส โดยเฉพาะกับไวซนทั้งหลาย
ที่ขยันหาของแปลกมาลอง(เช่นผม555) AGV Free
ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่าเป็นเวอร์ชั่นฟรี ฟีเจอร์จะน้อยกว่าตัว Internet Security
แต่ก็มีฟีเจอร์ที่จำเป็นอยู่ครบ ทั้งแอนตี้ไวรัส แอนตี้สปายแวร์ ตัวป้องกันเวลาเล่นเน็ต
(ทั้งเวลาเล่นเว็บและแซต)ที่ขาดไปก็แค่ไฟร์วอลล์กับตัวกรองอีเมลเท่านั้นเอง

*ดาวน์โหลด : AVG Antivirus Free ที่นี่

*ทางเลือกอื่น :
Avira AntiVir (โหลดที่นี่)

-------------------------------------------

2.แอนตี้มัลแวร์: Spybot-Search & Destroy

ลำพัง AVG ตัวเดียวไม่สามารถอุดช่องโหว่ของระบบได้ทั้งหมด
เราจึงต้องเรียกใช้บริการกำจัดมัลแวร์ของ Spybot เนื่องจาก
โปรแกรมไม่ทำงานแบบเรียลไทม์จึงควนแสกนเป็นระยะๆ แต่ถ่าในข้อที่แล้ว
ใครเลือกใช้ตัว Internet Security (ทั้งของAVG และ NOD32)
ก็ไม่จำเป็นต้องลงตัวนี้ให้หนักเครื่องครับ.

*ดาวน์โหลด : Spybot-Search & Destroy ที่นี่

*ทางเลือกอื่น:
Malwarebytes'Anti-maware (โหลดที่นี่)

-------------------------------------------

3.ไฟร์วอลล์ : Comodo Firewall Pro

บางคนอาจยังไม่รู้ว่าวินโดวส์นั้มีไฟร์วอลล์มาให้อยู่แแล้ว ถึงรู้ก็ลืมมัน
ไปซะเพราะมันห่วย
ดังนั้นเราจึงต้องหาโปรแกรมไฟร์วอลล์มาเสริม ณ จุดนี้ ถ้าในข้อที่ 1
ใครเลือกใช้พวกInternet Security แล้วก็ไม่จำเป็นต้องลงตัวนี้ก็ได้
แต่ขอบอกว่า
ไฟร์วอลล์ของ Comodo เนี่ยดีและขึ้นชื่อมากๆยิ่งตอนนี้เค้าทำเป็น
Internet Security มาให้ใช้กันฟรีๆด้วย น่าไปหามาลองกันครับ

*ดาวน์โหลด : Comodo Firewall Pro ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : ใช้ของวินโดวส์นั่นแหละ

------------------------------------------

4.เว็บบราวเซอร์ : Mozilla Firefox

แทบเลือกไม่ถูกว่าจะแนะนำตัวไหนดี Google Chrome
นั้นมีจุดเด่นที่ความเร็ว...เช่นเดียวกับ Safari แต่เมื่อมอง
ภาพโดยรวมแล้ว ทั้งความเร็ว ความเสถียร เพิ่มบลั๊กอิน เปลี่ยนสกิน ฯ
คงต้องยกให้ Firefox เค้าละครับ

*ดาวน์โหลด : Firefox ที่นี่

*ทางเลือกอื่น :
Google Chrome , Safari , Opera
------------------------------------------

5.รับ-ส่งอีเมล์ : Mozilla Thunderbird

โปรแกรมรับ-ส่งอีเมล์อาจจะไม่จำเป็นสำหรับบางคนแต่ผมว่ามีไว้ใช้ดีกว่า
เพราะไม่จำเป็นต้องไปเปิดบราวเซอร์เพื่อเช็ดเมล์ให้เสียเวลา สำหรับ
Thunderbird นั้นเป็น Outlook Killer เลยทีเดียว
ด้วยความที่ใช้ง่าย ไม่กินทรัพยากร และยังสามารถเพิ่มบลั๊กอินหรือสกิน
เหมือนกับตัวพี่อย่าง Firefox ทำให้สาวก Outlook หลายคน
แปรพักตร์จากนายใหญ่ไปมากพอสมควร

*ดาวน์โหลด : Mozilla Thunderbird ที่นี่

*ทางเลือกอื่น: MS Outlook

------------------------------------------

6.โปรแกรมแชท : Pidgin

สำหรับขาแชทแล้วคงจะขาดไม่ได้ MSN Messenger ไปไม่ได้
แต่ประเทศที่พัฒนาแล้วเค้าไม่ได็ใช่แต่ MSN ดังนั้น Pidgin
จึงถูกสร้างขึ้นมาให้ใช้ได้กับ MSN,Yahoo,QQ,Google Talkฯ
แถมยังคุยพร้อมๆกันได้แน่นอนว่ามันใช้ภาษาไทยได้ด้วย
ข้อดีของมันก็เหมือนกับฟรีแวร์ทั่วๆไปคือ เบา เร็ว และกินทรัพยากรน้อย

*ดาวน์โหลด : pidgin ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : Trilian,Skype


------------------------------------------

7.โปรแกรมโหลดบิท : uTorrent
สมัยนี้ใครไม่รู้จักการโหลดบิทถือว่าเชยมาก จริงอยู่ที่ว่าโปรแกรมที่ใช้กันมากที่สุด
ในบ้านเรา(และอาจจะเมืองนอกด้วย)คือ BitComet เมื่อเทียบกับความสามารถแล้ว
BitComet ก็สูสีกับ uTorrent แต่ utorrent นั้นจะดีต่อเครื่องเรา
มากกว่า เพราะตัวนี้มันเป็บแบบพอร์ตเอเบิ้ล จึงใช้ทรัพยากรน้อยกว่า เมื่อรวมกับความสามารถ
ที่เปลี่ยนสกินได้แล้วทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า BitComet ครับ

*ดาวน์โหลด : uTorrent ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : BitComet

------------------------------------------

8.ดูหนังฟังเพลง : VLC

VLC Media Player สามารถใช้ได้ทั้งดูหนังฟังเพลง นอกจากรองรับไฟล์
ได้หลากหลายฟอร์แมตแล้วยังใช็ทรัพยากรน้อยมากๆ ทำให้เหมาะสมเป็นพอร์ตเอเบิ้ลจะมีข้อเสีย
อย่างเดียวคือหน้าตามันดูทื่อๆ แต่ก็ยังดีกว่า Media Player Classic หน่อยนึง

*ดาวน์โหลด : VLC videolan ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : KMPlayer,Winamp

-------------------------------------------

9.โปรแกรมเขียนแผ่นซีดี/ดีวีดี : CDBurnerXP

ลืม NERO ไปซะเถอะครับ NERO นั้นเมื่อก่อนอาจมีข้ดีในเรื่องใช้ทรัพยากรต่ำ
แต่เดี๋ยวนี้แค่จะเรียกตัว Express ขึ้นมายังนานเลย มาใช้ฟรีแวร์กันดีกว่าครับ
CDBernerXP นั้นทำห้เรากลับมาคิดได้ว่าโปรแกรมไรท์แผ่นที่ดีควรเป็นอย่างไร
ผมชอบตรงที่มันรองรับ LightScribe ได้ด้วย ถ้าไม่ชอบแนะนำ ImgBurn
หรือ InfaRecorder เผื่อไว้ด้วยพวกนี้จิ๋วแต่แจ๋วทุกตัวเลยครับ

*ดาวน์โหลด : CDburnerxp ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : ImgBurn,InfraRecorder

-------------------------------------------
10. ตกแต่งรูปภาพ : Paint.NET

ถ้าพูดถึงโปรแกรมตัดต่อรูปแล้ว ทุกคนจะนึกถึงแต่ Photoshop แน่นอนว่า Photoshop
นั้นเป็นโปรแกรมขั้นเทพจริงๆ แต่ว่าเราจะใช้มันถึงขั้นนั้นเลยหรือ สำหรับผู้ใช้ทั่วไป
ผมว่าแค่ Paint.NET ก็น่าจะเหลือเฟือแล้ว ฟีเจอร์ขั้นพื้นฐานของมันสูสีกับ Photoshop
เลยทีเดียว ที่สำคัญยังสามารถใช้เลเยอร์ และเพิ่มเอฟเฟ็กซ์ต่างๆ ได้อีกเช่นกัน
ถ้าไม่ได้เอาไปทำเป็นอาชีพ ผมว่าตัวนี้ก็พอแล้ว

*ดาวน์โหลด : getpaint ที่นี่

* ทางเลือกอื่น : Photoshop
---------------------------------------------
11. โปรแกรมทำงานเอกสาร : OpenOffice.org

ข้อนี้ต้องบอกตามตรงว่า ตัดสินใจไม่ถูก ทาง OpenOffice นั้นเบาและน่าใช้กว่า
MS Office ที่สำคัญคือ ฟรี แต่ด้วยสาเหตุประการใดก็ไม่ทราบ เ
วลาที่ทำงานสำคัญๆผมก็มักจะกลับมาใช้ MS Office อยู่เป็นระยะๆ
เอาเป็นว่าให้คุณผู้อ่าน ลองและตัดสินกันเอาเองดีกว่า ว่าจะเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่งหรือทั้งสองตัวเลย

*โหลดได้จาก : http://download.openoffice.org/index.html

*ทางเลือกอื่น :
MS Office

---------------------------------------------------------
12. โปรแกรมแก้ไขข้อความ : Notepad++

ถ้าใครเบื่อ Notepad ที่มากับวินโดว์แล้วล่ะก็ ผมขอแนะนำตัวนี้เลยครับ
ลูกเล่นเด็ดๆ อย่างใช้งานแบบแท็บหรือด็อกกิ้งก็มีให้เห็น ใช้แล้วจะไม่รู้สึกว่าเป็น
Notepad เลยครับ เหมาะมากสำหับคนที่ชอบเขียนเว็บด้วย Notepad

*ดาวน์โหลด : notepad-plus ที่นี่

*ทางเลือกอื่น :Ultra Edit

------------------------------------------------------
13. โปรแกรมอ่าน PDF : Foxit Reader

l.คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณกันมาก สำหรับ Adobe Killer ตัวนี้
นอกจากตัวโปรแกรมจะเร็ว และไม่กินทรัพยากรแล้ว ยังมีลูกเล่นอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งหาไม่ได้ใน Adobe Reader ที่สำคัญที่สุด....ฟรี

*ดาวน์โหลด : foxitsoftware ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : CutePDF Writer,Adobe Reader
----------------------------------------------------------
14. บีบอัดไฟล์ : 7-Zip

แต่ก่อนผมก็ใช้แต่พวก WinZip หรือ WinRAR แต่พอมาได้เจอ 7-Zip
ก็เลยตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ด้วยความเร็วและใช้ง่าย ผมจึงขอแนะนำให้มือใหม่ทั้งหลาย
หาติดเครื่องไว้ ข้อดีของมันก็คือ รองรับได้หลายฟอร์แมต และ ฟรี (อีกแล้ว) ครับ

*ดาวน์โหล : 7-zip. ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : WinRAR


--------------------------------------------------------
15. ดูแลรักษาเครื่อง : Ccleaner

เวลาใช้คอมพ์ไปนานๆ มันก็ต้องมีไฟล์สะสมไว้จำนวนหนึ่ง บางครั้ง Disk Cleanup
ก็ไม่สามารถทำความสะอาดได้หมด แต่ Ccleaner สามารถทำความสะอาดไฟล์ได้หมดจด
แถมยังกำจัดไฟล์ขยะ จากบราวเซอร์ตัวเก่ง และโปรแกรมอื่นๆอีกมากมาย
ขี้เกียจจะโฆษณาแล้ว เอาเป็นว่า ไปหามาใช้อย่างด่วนเลยครับ

*ดาวน์โหลด : ccleaner ที่นี่

*ทางเลือกอื่น : Windows Disk Cleanup

---------------------------------------------------


จบแล้วครับกับโปรแกรมที่ผมคิว่าจำเป็นหลังที่คุณต้องการลงวินฌดวส์ใหม่
ยังงัยถ้ามีโปรแกรมอะไรดีๆอีกผมจะมาอัพเดทให้ใหม่นะครับ

===================By Getzaa====================










Friday, August 28, 2009

วิธี Update NOD32_OFFLINE

=====================================================
DOWNLOAD : NOD32 ANTIVIRUS 4 !!!!!!!
=====================================================
DOWNLOAD : UPDATE NOD32_OFFLINE !!!!
======================================================





วิธีสร้าง NOD32 offline
หลายๆท่านคงสงสัยว่าเขาทำกันอย่างไร จริงๆก็ไม่มีอะไรมาก เพียงหาโปรแกรม NOD32viewer มาใช้เท่านั้นครับ
เวลาติดตั้งก็เลือก ติดตั้งไว้ที่ drive ไหนก็ได้ แล้ว copy folder เอาไว้เพื่อเป็นแบบ Portable ใส่ไว้ใน Flashdrive
ในตัวอย่างผมเปลี่ยนชื่อ folder เป็น NOD32_Offline ซึ่งข้างในมีโปรแกรม NOD32viewer อยู่
เมื่อเปิดโปรแกรม NOD32viewer ให้ click ที่ ปุ่ม สามเหลี่ยม สีเขียว รอสักครู่โปรแกรมจะทำการ Update ฐานข้อมูลไม่ virus
มาเก็บไว้ใน folder est_upd ซึ่งเราก็สามารถเอา folder นี้ ไป update เครื่องอื่นๆที่ไม่ได้ต่อ internet ได้ครับ
ส่วนการตั้งค่า NOD32 ให้ update แบบ offline นั้น วันหลังจะมา up รูปให้ครับ
====================By Getzaa==================

Tuesday, August 25, 2009

Crack Nod32 V.4 update saver แท้ได้ ไม่ต้องใช้ Username และ Password ครับ

ขั้นตอนการติดตั้ง Crack ครับ
ผมขอแนะนำให้ถอนการติดตั้ง Nod32 V.4 ที่คุณได้ติดตั้งอยู่ก่อนแล้วออกเลยนะครับ
รวมถึง Crack ตัวอื่นๆที่ใช้หา Username & Password ของ Nod32 V.4 ด้วยครับ
(ให้ถอนด้วยโปรแกรม Portable Your Uninstaller! ดาวน์โหลดที่นี่)
ก่อนที่คุณจะถอนโปรแกรมตัวเก่าออกให้คุณ Download ตัวติดตั้งโปรแกรม Nod32 V.4
มาไว้ก่อนนะครับ เพราะที่ผมเอามาแนะนำนี้มีแต่ Crack นะครับไม่มีตัวโปรแกรม Antivirus
ซึ่งตัวโปรแกรมก็มีแจกกันอยู่ทั่วไป สนใจตัวไหนก็ Download กันไปแล้วแต่คุณจะเลือกครับ
Crack ตัวที่ผมเอามาแนะนำนี้สามารถใช้ได้ทั้ง NOD32 Antivirus 4 และ
Smart Security 4 ครับ (ใช้ได้ทั้ง Home Edition และ Business Edition ด้วยครับ
ซึ่งผมได้ทดสอบมาทั้ง 4 แบบแล้วสามารถใช้งานได้จริงครับ)

----------------------------------------------------------------------




----------------------------------------------------------------------
หลังจากที่คุณได้ติดตั้งโปรแกรมใหม่ แล้วก็เปิดหน้าต่างโปรแกรม กด key [F5]
เลือก Antivirus and Antispyware(1) unlock Enble Self-defense
(เอาเครื่องหมายถูกออก)(2) คลิ๊ก OK(3) คลิ๊ก OK(4) แล้วปิดหน้าต่างโปรแกรม
เสร็จแล้วก็ Restart เครื่องครับ



หลังจากที่เครื่องเปิดขึ้นมาแล้ว ให้รอจนกว่าที่ Icon ลูกตาที่ system tray หยุดหมุนก่อนนะครับ
แล้วเปิดโปรแกรม Crack(5) คลิ๊ก LOCK(6) คลิ๊ก OK(7) คลิ๊ก EXIT(8.)





แล้วทำการ update ฐานข้อมูลไวรัสครับ(บางครั้งโปรแกรมอาจจะ update ให้อัตโนมัตเลยครับ)









ดูที่ Protection status คุณจะเห็นข้อความ "Remaining Trial Period : 0 days"
(วันทดลองใช้งานเหลือ 0 วัน)**บางครั้งอาจจะเห็นเป็น 30 วันนะครับ**



แล้วเปิดโปรแกรม Crack(9) คลิ๊ก UNLOCK(10)คลิ๊ก LOCK(11) คลิ๊ก EXIT(12)



กด key [F5] เลือก Antivirus and Antispyware(13) lock Enble Self-defense
(ติ๊กเครื่องหมายถูก)(14)คลิ๊ก OK(15) คลิ๊ก OK(16) แล้วปิดหน้าต่างโปรแกรม
เสร็จแล้วก็ Restart เครื่องอีกครั้งครับ



ที่ splash-scren และ balloon และบริเวณ system tray คุณจะเห็นข้อความ
"Locked/open ESET for status."





ดูที่ Protection status คุณจะเห็นข้อความ "Remaining Trial Period : 31 days"
(วันทดลองใช้งานเหลือ 31 วัน)



แล้วก็จะเป็น 31 วันตลอดไปครับ จบขั้นตอนการติดตั้ง Crack แค่ตรงนี้ครับ
ครั้งต่อๆไปคุณก็จะสามาถ update ฐานข้อมูลไวรัสจาก saver แท้ได้ตามปกติครับ
โดยที่คุณไม้ต้องไปหา Username และ Password มาใส่อีกต่อไปแล้วนะครับ


=====================By Getzaa==================